🌱 กล่องกระดาษลูกฟูกสำหรับใส่ต้นไม้

🌱 กล่องกระดาษลูกฟูกสำหรับใส่ต้นไม้

บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะที่ออกแบบเพื่อชีวิตเขียว ๆ อย่างใส่ใจ

ในยุคที่ธุรกิจขายต้นไม้ออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งไม้ด่าง ไม้มงคล ไม้ฟอกอากาศ และต้นไม้ตกแต่งบ้าน กล่องกระดาษลูกฟูกจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดส่งสินค้าที่ “มีชีวิต” และ “เปราะบาง” เหล่านี้ให้ถึงมือผู้รับอย่างปลอดภัยและสมบูรณ์ที่สุด

กล่องที่ดี ไม่เพียงแค่รองรับน้ำหนักของกระถางหรือวัสดุปลูก แต่ต้องสามารถ “ปกป้องต้นไม้” จากแรงกระแทก ความร้อน อากาศไม่ถ่ายเท และแรงเคลื่อนในระหว่างขนส่งได้ด้วย


🧱 ลักษณะพิเศษของกล่องใส่ต้นไม้ที่ดี

  1. โครงสร้างกล่องแข็งแรง – ใช้กล่องลูกฟูก 5 ชั้น (Double Wall)
    เพื่อรองรับน้ำหนักกระถางดิน กระถางเซรามิก หรือวัสดุปลูก

  2. มีช่องระบายอากาศ (Vent Holes)
    เพื่อให้ต้นไม้หายใจ ไม่อบชื้นจนเน่า หรือขาดออกซิเจนระหว่างเดินทาง

  3. มีระบบล็อกต้นไม้ภายในกล่อง
    เช่น คัตเอาต์เจาะรอบกระถาง ช่องเสียบป้องกันต้นล้ม
    หรือโฟมกันกระแทกเฉพาะจุด

  4. กล่องทรงสูง / ทรงตั้ง (Tall Box)
    เพื่อป้องกันไม่ให้ใบไม้หัก หรือยอดหักจากการเอียงหรือซ้อนกัน

  5. พิมพ์ข้อความระบุ “สินค้าเปราะบาง / โปรดตั้งกล่องในแนวตั้ง”
    เป็นการแจ้งเตือนพนักงานขนส่งให้ระวังพิเศษ


📐 ขนาดกล่องยอดนิยมสำหรับใส่ต้นไม้

ขนาด (กว้าง × ยาว × สูง) ซม. ประเภทต้นไม้ที่เหมาะสม
15 × 15 × 30 ต้นไม้ขนาดเล็ก กระถาง 4 นิ้ว
20 × 20 × 40 ต้นไม้กลาง กระถาง 6 นิ้ว
25 × 25 × 60 ไม้ตั้งโต๊ะที่มียอดสูง เช่น ไทรใบสัก
30 × 30 × 70 ขึ้นไป ต้นไม้ยืนต้นขนาดกลาง หรือไม้แขวนทรงพุ่ม

🛡️ วัสดุเสริมภายในกล่อง

เพื่อปกป้องต้นไม้จากการเคลื่อนที่หรือกระแทก ควรใช้วัสดุเหล่านี้ร่วมด้วย:

  • กระดาษย่น หรือกระดาษหนังสือพิมพ์

  • พลาสติกกันกระแทก (Air bubble wrap)

  • แผ่นกระดาษคราฟต์เจาะช่องเสียบกระถาง

  • ตาข่ายหุ้มต้นไม้เพื่อป้องกันใบหัก


🎯 เหตุผลที่ควรใช้กล่องลูกฟูกกับต้นไม้

  • ✅ กันกระแทกได้ดี เหมาะกับสินค้าเปราะบาง

  • ✅ น้ำหนักเบา ประหยัดค่าขนส่ง

  • ✅ รีไซเคิลได้ เป็นมิตรกับต้นไม้ และสิ่งแวดล้อม

  • ✅ สามารถ Custom Design ได้ตามขนาดกระถาง

  • ✅ ส่งต้นไม้ได้ทั้งแบบตั้งตรงและแนวนอน (กรณีไม้เลื้อย)


💰 ราคากล่องสำหรับใส่ต้นไม้ (โดยประมาณ)

ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดกล่อง จำนวนสั่ง และการเจาะช่องพิเศษ เช่น ช่องอากาศหรือเจาะล็อก

ขนาดกล่อง ราคาต่อใบ (กล่อง 5 ชั้น)
เล็ก 10 – 15 บาท
กลาง 18 – 25 บาท
ใหญ่ 28 – 40 บาท
สั่งผลิตเฉพาะ 50 บาทขึ้นไป (ตามแบบ)

✅ สรุป

กล่องกระดาษลูกฟูกสำหรับใส่ต้นไม้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่บรรจุภัณฑ์ธรรมดา แต่เป็น “บ้านชั่วคราว” ที่ช่วยให้ต้นไม้รอดชีวิตจากการเดินทาง ทั้งยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูใส่ใจธรรมชาติและคุณภาพการจัดส่ง การออกแบบกล่องให้เหมาะกับต้นไม้แต่ละประเภทจึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการทำธุรกิจต้นไม้ออนไลน์อย่างมืออาชีพ

📦 กล่องกระดาษลูกฟูก 2 ชั้น คืออะไร?

📦 กล่องกระดาษลูกฟูก 2 ชั้น คืออะไร?

เบาที่สุดในสายลูกฟูก แต่ยังคงประโยชน์ใช้งานหลากหลาย

เมื่อพูดถึง “กล่องกระดาษลูกฟูก” เรามักนึกถึงกล่อง 3 ชั้น 5 ชั้น หรือ 7 ชั้น ซึ่งใช้ในงานขนส่งและอุตสาหกรรมทั่วไป แต่ในความเป็นจริง ยังมีกล่องอีกประเภทหนึ่งที่บาง เบา และราคาประหยัดกว่า นั่นคือ “กล่องกระดาษลูกฟูก 2 ชั้น” หรือในภาษาอังกฤษบางครั้งเรียกว่า Single Face Corrugated Board

แม้จะไม่ได้มีความแข็งแรงเท่ากล่องชนิดอื่น แต่กล่อง 2 ชั้นก็ยังมีบทบาทสำคัญในงานบรรจุภัณฑ์บางประเภท และมีข้อดีเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะทาง


🧱 กล่องกระดาษลูกฟูก 2 ชั้น มีโครงสร้างอย่างไร?

กล่อง 2 ชั้นมีโครงสร้างเพียงสองชั้น:

  • 1 ชั้นเป็นลอนกระดาษ (Flute)

  • 1 ชั้นเป็นแผ่นเรียบ (Linerboard)

โดยไม่มีแผ่นเรียบอีกด้านเหมือนกล่อง 3 ชั้น จึงทำให้มีลักษณะ “แผ่นลูกฟูกหน้าเดียว” ที่ม้วนหรือพับได้ง่าย เหมาะกับการใช้งานชั่วคราวหรือใช้เป็น แผ่นรอง / แผ่นบุ / ป้องกันสินค้า มากกว่าการนำไปเป็นกล่องใส่ของแบบปิดมิดชิด


📌 ลักษณะเฉพาะของกล่อง 2 ชั้น

  • มีความ “ยืดหยุ่น” สูง ดัดโค้ง พันรอบสินค้าได้

  • น้ำหนักเบา ช่วยลดต้นทุนค่าส่ง

  • ใช้เป็นวัสดุกันกระแทกหรือห่อหุ้มชิ้นส่วน

  • บางโรงงานแปรรูปให้เป็น “ปลอก” ครอบสินค้าทรงกระบอก เช่น ขวด, หลอด, ท่อ


📦 ตัวอย่างการใช้งานกล่องลูกฟูก 2 ชั้น

ประเภทการใช้งาน รายละเอียด
แผ่นรองสินค้าระหว่างชั้นพาเลต ป้องกันการเสียดสี, กันกระแทกเบา ๆ
วัสดุกันกระแทกภายในกล่อง ม้วนรอบสินค้าแทนบับเบิ้ล
ห่อหุ้มสินค้าขนาดยาว/ทรงกลม เช่น หลอดเหล็ก, ขวดไวน์, ของแหลม
หุ้มเฟอร์นิเจอร์ขณะขนย้าย ป้องกันรอยขีดข่วน
พิมพ์โลโก้ใช้ในงาน Display ใช้เป็นสื่อโฆษณาที่ดัดรูปทรงได้ง่าย

🧪 ลอนที่นิยมใช้ในกล่อง 2 ชั้น

เนื่องจากไม่มีแผ่นด้านใน จึงมักใช้ลอนที่เล็กเพื่อให้งานดูเรียบร้อยมากขึ้น เช่น:

ประเภทลอน ความสูงโดยประมาณ คุณสมบัติเด่น
ลอน E ~1.6 มม. บาง เรียบ พิมพ์สวย
ลอน B ~2.5 มม. รับแรงกดปานกลาง
ลอน F ~0.8 มม. บางที่สุด เหมาะกับงานพิมพ์ละเอียด

💰 ราคากล่อง 2 ชั้น (โดยประมาณ)

  • หากสั่งเป็น “แผ่นม้วน” ราคาเริ่มต้น ~10–30 บาท/ตร.ม.

  • หากขึ้นรูปเป็นกล่องหรือปลอก ราคาประมาณ 3–10 บาท/ชิ้น (ขึ้นอยู่กับขนาด)

  • ราคาถูกกว่ากล่อง 3 ชั้นราว 20–40%


🛠️ จุดเด่นและข้อจำกัด

✅ ข้อดี:

  • น้ำหนักเบาที่สุดในกลุ่มกล่องลูกฟูก

  • ต้นทุนต่ำมาก เหมาะกับการใช้จำนวนมาก

  • ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบที่ไม่ต้องการความแข็งแรงสูง

  • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (รีไซเคิลได้ 100%)

⚠️ ข้อควรระวัง:

  • ไม่เหมาะกับการใส่สินค้าที่มีน้ำหนักเกิน 1–2 กิโลกรัม

  • กันกระแทกได้เบาเท่านั้น ไม่เหมาะกับสินค้ามูลค่าสูง

  • ไม่สามารถวางซ้อนหรือใช้เป็นกล่องขนส่งหลักได้


✅ สรุป

กล่องกระดาษลูกฟูก 2 ชั้น หรือแผ่นลูกฟูกหน้าเดียว เป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา และราคาย่อมเยา เหมาะสำหรับการใช้งานภายในที่ต้องการหุ้มหรือรองสินค้าอย่างชั่วคราว แม้จะไม่ได้มีความแข็งแรงเท่ากล่อง 3 หรือ 5 ชั้น แต่ก็ยังมีประโยชน์เฉพาะทางที่ตอบโจทย์ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจขนาดเล็กได้อย่างดีเยี่ยม

📦 กล่องกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น คืออะไร?

📦 กล่องกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น คืออะไร?

เบื้องหลังความสำเร็จของการขนส่งและบรรจุภัณฑ์ทุกวัน

ในระบบโลจิสติกส์ การค้าออนไลน์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า “กล่องกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น” ถือเป็นบรรจุภัณฑ์พื้นฐานที่ใช้กันมากที่สุดทั่วโลก ด้วยโครงสร้างที่เรียบง่ายแต่แข็งแรงเพียงพอ ราคาคุ้มค่า และรองรับการใช้งานได้หลากหลายประเภท กล่องชนิดนี้จึงกลายเป็นตัวเลือกมาตรฐานของธุรกิจทุกระดับตั้งแต่รายย่อยไปจนถึงอุตสาหกรรม


🧱 กล่องลูกฟูก 3 ชั้นคืออะไร?

กล่องกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น (Single Wall Corrugated Box) ประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐาน 3 ชั้น:

  1. แผ่นกระดาษเรียบด้านนอก (Outer Liner) – ทำหน้าที่ป้องกันแรงเสียดสีและให้พื้นที่พิมพ์ข้อมูล

  2. แผ่นลอนลูกฟูก (Corrugated Medium / Flute) – อยู่ตรงกลาง มีลักษณะเป็นคลื่น ช่วยดูดซับแรงกระแทก

  3. แผ่นกระดาษเรียบด้านใน (Inner Liner) – ป้องกันสินค้าและเพิ่มความแข็งแรงภายในกล่อง

โครงสร้างนี้ให้ทั้งความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา และความทนทานที่เพียงพอสำหรับสินค้าทั่วไป


📏 ลอนกระดาษที่ใช้ในกล่อง 3 ชั้น

โดยปกติ กล่องลูกฟูก 3 ชั้นจะใช้ลอนกระดาษเพียงชั้นเดียว ซึ่งมีให้เลือกหลายประเภท เช่น:

ลอนกระดาษ ความสูง (โดยประมาณ) คุณสมบัติ
ลอน B 2.5 มม. แข็งแรง รองรับแรงกดได้ดี
ลอน C 3.5 มม. สมดุลระหว่างแรงกดและแรงกระแทก
ลอน E 1.6 มม. เหมาะกับกล่องขนาดเล็ก พิมพ์สวย
ลอน A 4.8 มม. ดูดซับแรงกระแทกได้ดีมาก

🧠 จุดเด่นของกล่องลูกฟูก 3 ชั้น

  • ✅ น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย

  • ✅ ราคาถูกที่สุดเมื่อเทียบกับกล่อง 5 หรือ 7 ชั้น

  • ✅ รองรับงานพิมพ์โลโก้หรือสื่อโฆษณาได้ง่าย

  • ✅ เหมาะกับการใช้งานหลากหลาย ตั้งแต่กล่องไปรษณีย์จนถึงกล่องอาหาร

  • ✅ ผลิตเร็ว หาซื้อง่ายทั้งปลีก-ส่ง


📦 ขนาดกล่อง 3 ชั้นที่พบได้ทั่วไป

เบอร์กล่อง ขนาด (กว้าง × ยาว × สูง, ซม.) การใช้งานทั่วไป
เบอร์ 00 11 × 17 × 6 สินค้าชิ้นเล็ก, พัสดุเบา
เบอร์ 2A 17 × 25 × 9 เครื่องสำอาง, แฟชั่น
เบอร์ 3 22 × 35 × 14 เสื้อผ้า, ของทั่วไป
เบอร์ 5 30 × 45 × 20 รองเท้า, เครื่องใช้ไฟฟ้าเบา
เบอร์ 7 40 × 60 × 35 สินค้าขนาดใหญ่ปานกลาง

นอกจากขนาดมาตรฐาน ยังสามารถ “สั่งผลิตเฉพาะ” ตามขนาดที่ต้องการได้อีกด้วย


💰 ราคากล่องลูกฟูก 3 ชั้น (โดยประมาณ)

ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดกล่อง ปริมาณที่สั่ง และประเภทกระดาษที่ใช้ โดยเฉลี่ยอยู่ที่:

ขนาดกล่อง ราคา/ใบ (โดยประมาณ)
เล็ก (00–2A) 2.50 – 5.00 บาท
กลาง (3–5) 6.00 – 12.00 บาท
ใหญ่ (7 ขึ้นไป) 13.00 – 20.00 บาท

🎯 กลุ่มธุรกิจที่เหมาะกับกล่อง 3 ชั้น

  • ร้านค้าออนไลน์ (Shopee, Lazada, Facebook)

  • ร้านอาหารเดลิเวอรี

  • ธุรกิจ SME ส่งสินค้าทั่วประเทศ

  • บริษัทโลจิสติกส์

  • ธุรกิจบริการส่งของในท้องถิ่น


✅ สรุป

กล่องกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น คือโครงสร้างกล่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกธุรกิจปัจจุบัน เพราะมีราคาย่อมเยา ใช้งานหลากหลาย และเพียงพอต่อการปกป้องสินค้าทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะทั้งกับธุรกิจที่เริ่มต้น และธุรกิจที่ต้องการควบคุมต้นทุนในระยะยาว

📦 กล่องกระดาษลูกฟูก 5 ชั้น คืออะไร?

📦 กล่องกระดาษลูกฟูก 5 ชั้น คืออะไร?

โครงสร้างที่แข็งแรงกว่าเดิม เพื่อสินค้าที่ต้องการความปลอดภัยมากขึ้น

ในระบบการจัดส่งและบรรจุสินค้า กล่องกระดาษลูกฟูกคือทางเลือกหลักที่ใช้กันแพร่หลาย ด้วยคุณสมบัติที่น้ำหนักเบา รีไซเคิลได้ และต้นทุนคุ้มค่า โดยเฉพาะกล่องกระดาษลูกฟูกแบบ 5 ชั้น (Double Wall Corrugated Box) ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ถูกพัฒนาขึ้นจากกล่อง 3 ชั้นทั่วไป เพื่อรองรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก หรือมีความเปราะบางเป็นพิเศษ


🧱 โครงสร้างของกล่องลูกฟูก 5 ชั้น

กล่องลูกฟูก 5 ชั้นประกอบด้วย:

  • 3 แผ่นกระดาษเรียบ (Linerboard)

  • 2 ชั้นลอนลูกฟูก (Fluting Medium)

เรียงชั้นดังนี้:
Liner – Flute – Liner – Flute – Liner

ลอนกระดาษ ที่นิยมใช้ในกล่อง 5 ชั้น ได้แก่:

  • ลอน BC (B + C Flute): แข็งแรงทั้งด้านแรงกดและแรงกระแทก

  • ลอน AC (A + C Flute): ใช้สำหรับงานอุตสาหกรรมที่ต้องการรองรับแรงกระแทกสูง


📊 จุดเด่นของกล่อง 5 ชั้นเมื่อเทียบกับกล่อง 3 ชั้น

คุณสมบัติ กล่อง 3 ชั้น กล่อง 5 ชั้น
ความหนาโดยเฉลี่ย 3–4 มม. 6–7 มม.
รับน้ำหนักได้ 5–15 กก. 15–30 กก. (หรือมากกว่า)
ความแข็งแรง ปานกลาง สูงมาก
การกันกระแทก พอใช้ ดีเยี่ยม
ราคาต่อใบ ต่ำ ปานกลาง

✅ กล่อง 5 ชั้นเหมาะกับสินค้าแบบไหน?

กล่องกระดาษลูกฟูก 5 ชั้นเหมาะกับการบรรจุ:

  • สินค้าที่มีน้ำหนักมาก เช่น ชิ้นส่วนเครื่องจักร อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์

  • สินค้าที่ต้องกันกระแทกสูง เช่น แก้ว เครื่องใช้ไฟฟ้า

  • สินค้าส่งออก ที่ต้องเผชิญแรงกดซ้อนในตู้คอนเทนเนอร์

  • สินค้าพรีเมียมที่ต้องการความมั่นใจสูงในการขนส่ง

  • พัสดุที่ต้องวางซ้อนกันหลายชั้นในโกดังหรือรถบรรทุก


📦 รูปแบบกล่อง 5 ชั้นที่นิยม

ประเภทกล่อง รายละเอียดการใช้งาน
กล่องฝาชน (RSC) ใช้ทั่วไปกับสินค้าหนัก
กล่อง FOL ฝาปิดเต็ม เหมาะกับสินค้าที่ซ้อนหลายชั้น
กล่องไดคัท (Die-cut) สำหรับสินค้าพรีเมียม
กล่องฝาครอบ (2 ชิ้น) ใช้กับสินค้าโชว์ หรือของที่ต้องเปิด–ปิดบ่อย

💰 ราคากล่อง 5 ชั้นโดยประมาณ

ราคากล่อง 5 ชั้นจะสูงกว่ากล่อง 3 ชั้นประมาณ 30–50% ขึ้นอยู่กับขนาดและวัสดุ

ขนาดกล่อง (เช่น 30×45×20 ซม.) ราคาต่อใบ (โดยประมาณ)
กล่อง 3 ชั้น 10–12 บาท
กล่อง 5 ชั้น 14–18 บาท

หากสั่งผลิตจำนวนมาก ราคาจะลดลงอีก


🛠️ ข้อควรรู้เมื่อเลือกใช้กล่อง 5 ชั้น

  • น้ำหนักกล่องมากขึ้น ควรตรวจสอบน้ำหนักรวมกับสินค้า หากมีการคิดค่าน้ำหนักขนส่ง

  • ใช้พื้นที่จัดเก็บมากกว่า กล่องหนา พับแล้วหนากว่ากล่องทั่วไป

  • ไม่เหมาะกับสินค้าน้ำหนักเบามาก เพราะอาจเป็นต้นทุนเกินจำเป็น

  • ควรตรวจสอบว่า บริษัทขนส่งรองรับกล่องขนาดและน้ำหนักที่คุณใช้หรือไม่


✅ สรุป

กล่องกระดาษลูกฟูก 5 ชั้น เป็นบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความแข็งแรงมากกว่าปกติ ด้วยโครงสร้าง Double Wall ที่ดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่า ทนแรงกดได้สูงกว่า และรองรับการวางซ้อนจำนวนมาก เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องส่งของหนัก ของเปราะ หรือสินค้าที่ต้องการความน่าเชื่อถือในการขนส่ง

📦 ขายและจำหน่ายกล่องกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น

📦 ขายและจำหน่ายกล่องกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น

โซลูชันบรรจุภัณฑ์ยอดนิยมที่ตอบโจทย์ทั้งต้นทุนและคุณภาพ

ในวงการบรรจุภัณฑ์ กล่องกระดาษลูกฟูกถือเป็นพระเอกของการขนส่งสินค้าในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์รายย่อยไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และหนึ่งในรูปแบบกล่องที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ กล่องกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น (Single Wall Corrugated Box) ซึ่งเป็นกล่องที่ให้ความสมดุลระหว่างความแข็งแรง ราคา และความยืดหยุ่นในการใช้งานได้อย่างลงตัว


🔍 กล่องลูกฟูก 3 ชั้น คืออะไร?

กล่อง 3 ชั้นมีโครงสร้างพื้นฐานประกอบด้วย:

  • แผ่นกระดาษเรียบด้านนอก (Outer Liner)

  • ลอนกระดาษลูกฟูกตรงกลาง (Flute)

  • แผ่นกระดาษเรียบด้านใน (Inner Liner)

โครงสร้างนี้ให้ความแข็งแรงเพียงพอต่อการรับแรงกระแทกเบื้องต้น และสามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน เช่น การจัดส่งพัสดุ ขายของออนไลน์ หรือการบรรจุสินค้าเบา–ปานกลาง


📐 ขนาดที่มีจำหน่ายทั่วไป

กล่องกระดาษลูกฟูก 3 ชั้นที่จำหน่ายในท้องตลาดมักมีขนาดมาตรฐาน เช่น:

เบอร์กล่อง ขนาด (กว้าง × ยาว × สูง, ซม.) เหมาะกับการใช้งาน
00 11 × 17 × 6 ของจุกจิก/อุปกรณ์เล็ก
2A 17 × 25 × 9 เครื่องสำอาง/แฟชั่น
3 22 × 35 × 14 เสื้อผ้า/อุปกรณ์ทั่วไป
5 30 × 45 × 20 รองเท้า/สินค้าปานกลาง
7 40 × 60 × 35 สินค้าขนาดใหญ่

ทั้งนี้ ยังสามารถสั่งผลิตขนาดเฉพาะ (Made-to-Order) ได้ตามความต้องการ


💰 ราคากล่องลูกฟูก 3 ชั้น โดยประมาณ

ขนาดกล่อง ราคาเฉลี่ย/ใบ (ขึ้นอยู่กับจำนวน)
เบอร์ 00 2.50 – 4.00 บาท
เบอร์ 2A 4.00 – 6.00 บาท
เบอร์ 3 6.00 – 8.00 บาท
เบอร์ 5 9.00 – 12.00 บาท
เบอร์ 7 14.00 – 20.00 บาท

หมายเหตุ: ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณที่สั่ง (ยิ่งสั่งมาก ราคาต่อใบยิ่งลดลง)


🧠 จุดเด่นของกล่องลูกฟูก 3 ชั้น

  • ✅ แข็งแรงเพียงพอสำหรับสินค้าทั่วไป

  • ✅ น้ำหนักเบา ประหยัดค่าส่ง

  • ✅ ราคาถูกที่สุดในบรรดากล่องลูกฟูกทั้งหมด

  • ✅ หาซื้อง่าย / มีหลายขนาดสำเร็จรูป

  • ✅ รองรับการพิมพ์โลโก้หรือข้อมูลแบรนด์ได้


🛒 ช่องทางการขายและจำหน่าย

1. ขายปลีกตามร้านบรรจุภัณฑ์ทั่วไป

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกล่องจำนวนไม่มาก ใช้งานรายวัน

2. ขายส่งเป็นแพ็ค/ลัง

สำหรับร้านค้าออนไลน์หรือธุรกิจ SME ที่ใช้งานจำนวนมาก

3. ขายผ่านออนไลน์ (Shopee / Lazada / LINE OA)

สะดวก มีรีวิวประกอบ มีโปรโมชั่นลดราคา

4. รับผลิตและจำหน่ายโดยโรงงาน

กรณีที่ต้องการกล่องพิมพ์โลโก้ หรือขนาดเฉพาะของแบรนด์


💡 กลุ่มลูกค้าที่เหมาะกับกล่อง 3 ชั้น

  • ร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม

  • ธุรกิจ SME ที่ต้องการควบคุมต้นทุน

  • ธุรกิจบริการขนส่งแบบ Drop-off

  • ผู้ที่ย้ายบ้านหรือเก็บของใช้ส่วนตัว

  • โรงงานที่ส่งของภายในประเทศเป็นประจำ


✅ สรุป

การขายและจำหน่ายกล่องกระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในวงกว้าง ด้วยต้นทุนที่ประหยัด ความแข็งแรงที่เพียงพอ และการใช้งานที่หลากหลาย กล่องประเภทนี้จึงเป็น “บรรจุภัณฑ์มาตรฐาน” ที่ทุกธุรกิจควรมีติดสต๊อกไว้ ไม่ว่าจะซื้อใช้ หรือขายต่อก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

🏭 เครื่องปะกาวกล่องกระดาษลูกฟูก : หัวใจของสายการผลิตบรรจุภัณฑ์ยุคใหม่

🏭 เครื่องปะกาวกล่องกระดาษลูกฟูก

หัวใจสำคัญของการผลิตกล่องที่รวดเร็ว แข็งแรง และแม่นยำ

ในการผลิตกล่องกระดาษลูกฟูก ไม่ว่าจะเป็นกล่องฝาชน (RSC), กล่องไดคัท หรือกล่องพิเศษใด ๆ หนึ่งในขั้นตอนสุดท้ายที่มีความสำคัญมากคือ “การปิดรอยต่อกล่อง” หรือ “การปะกาว” ซึ่งต้องการความแม่นยำ ความรวดเร็ว และความสม่ำเสมอสูง หากขั้นตอนนี้ผิดพลาด กล่องอาจหลุดร่อน ฉีกขาด หรือไม่สามารถใช้งานได้

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่โรงงานผลิตกล่องทุกแห่งจำเป็นต้องมี “เครื่องปะกาวกล่องกระดาษลูกฟูก (Corrugated Box Gluing Machine)” เข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการผลิตให้มีคุณภาพและมาตรฐานในระดับอุตสาหกรรม


🔧 เครื่องปะกาวกล่องคืออะไร?

เครื่องปะกาวกล่อง คือเครื่องจักรที่ใช้สำหรับ “ทากาว + พับกล่อง + ยึดกล่องให้ติดกัน” โดยอัตโนมัติ หรือกึ่งอัตโนมัติ
หน้าที่หลักคือเชื่อมต่อรอยต่อของกล่องให้แน่นหนา โดยใช้กาว (เช่น กาวแป้งหรือกาวร้อน) ทาบริเวณขอบที่ซ้อนกัน จากนั้นพับและกดให้แนบสนิท


📌 ประเภทของเครื่องปะกาวกล่อง

1. เครื่องปะกาวแบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-Auto Gluer)

  • ผู้ป้อนกล่องด้วยมือ

  • เครื่องทำหน้าที่ทากาว กด และพับอัตโนมัติ

  • ราคาประหยัด เหมาะกับโรงงานขนาดเล็ก–กลาง

  • ความเร็วเฉลี่ย: 20–40 กล่อง/นาที

2. เครื่องปะกาวอัตโนมัติเต็มระบบ (Fully Automatic Folder Gluer)

  • ทำงานครบทุกขั้นตอน: ป้อนกล่อง → ทากาว → พับ → รีดกล่อง → เรียงซ้อน

  • ความเร็วสูงสุด: 60–120 กล่อง/นาที

  • เหมาะกับสายการผลิตขนาดใหญ่, OEM, กล่องไดคัทจำนวนมาก

3. เครื่องปะกาวแบบพิเศษ (Specialty Gluer)

  • ใช้สำหรับกล่องรูปทรงซับซ้อน เช่น กล่องฝาครอบ, กล่องพับหลายจุด

  • มีระบบเซนเซอร์ควบคุม และปรับตั้งตามแบบกล่องที่แตกต่างกัน


🧪 ประเภทของกาวที่ใช้ในเครื่อง

  • กาวแป้ง (Starch Adhesive) – ราคาถูก ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม

  • กาวร้อน (Hot Melt Glue) – แห้งเร็ว ยึดแน่น ใช้กับกล่องกันชื้น

  • กาว PVA (น้ำใส) – ยึดเกาะดี เหมาะกับกล่องพิมพ์ละเอียด

การเลือกใช้กาวต้องพิจารณาจากความเร็วในการผลิต, ประเภทกล่อง, และสภาพแวดล้อม (เช่น ความชื้น)


🧩 ประโยชน์ของการใช้เครื่องปะกาว

  • ✅ เพิ่มความเร็วในการผลิต ลดเวลาแรงงาน

  • ✅ เพิ่มความแม่นยำ สม่ำเสมอของกล่องทุกใบ

  • ✅ ลดของเสียจากกล่องที่ปิดไม่สนิท

  • ✅ เสริมความแข็งแรงให้รอยต่อของกล่อง

  • ✅ รองรับปริมาณการผลิตจำนวนมากต่อวัน


🧠 แนวทางการเลือกเครื่องปะกาวกล่องให้เหมาะกับโรงงาน

ปัจจัยที่ควรพิจารณา คำอธิบาย
ขนาดกล่องสูงสุดที่รองรับ วัดตามกล่องที่ผลิตบ่อยที่สุด
ความเร็วในการผลิต ยิ่งสูง ต้นทุนต่อหน่วยยิ่งลด
ระบบควบคุม มีหน้าจอสัมผัสหรือ PLC จะช่วยให้ปรับตั้งง่าย
พื้นที่วางเครื่อง ตรวจสอบขนาดเครื่องและเส้นทางวางสินค้า
งบประมาณ เครื่องกึ่งอัตโนมัติเริ่มต้น ~200,000 บาท, อัตโนมัติเต็มระบบอาจสูงถึง 1–2 ล้านบาท

🔍 ตัวอย่างการใช้งานในอุตสาหกรรม

  • โรงงานผลิตกล่องไปรษณีย์

  • โรงงานบรรจุภัณฑ์อาหาร

  • ผู้ผลิตกล่อง OEM สำหรับแบรนด์ดัง

  • ผู้ผลิตกล่องส่งออกในอุตสาหกรรมยานยนต์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า


✅ สรุป

เครื่องปะกาวกล่องกระดาษลูกฟูก คือหนึ่งในเครื่องจักรที่ช่วย “ปิดงาน” ให้การผลิตกล่องสมบูรณ์แบบ ทั้งในด้านความแข็งแรง ประสิทธิภาพ และภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพ หากคุณอยู่ในสายการผลิตหรือบรรจุภัณฑ์ การลงทุนในเครื่องปะกาวที่เหมาะสม คือทางเลือกที่ช่วยเพิ่มกำไร ลดต้นทุน และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจในระยะยาว

🎨 การออกแบบกล่องกระดาษลูกฟูก

🎨 การออกแบบกล่องกระดาษลูกฟูก

ศาสตร์และศิลป์ที่มากกว่าความสวยงาม

ในโลกของบรรจุภัณฑ์ “กล่องกระดาษลูกฟูก” ไม่ได้เป็นเพียงวัสดุสำหรับห่อหุ้มสินค้าเท่านั้น แต่คือองค์ประกอบสำคัญของการสื่อสารแบรนด์ การขนส่งอย่างปลอดภัย และการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์

การออกแบบกล่องกระดาษลูกฟูก (Corrugated Box Design) จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการเลือกสีหรือใส่โลโก้เท่านั้น แต่เป็นกระบวนการที่ต้องคำนึงถึงทั้ง “ฟังก์ชัน + ความแข็งแรง + ต้นทุน + ความรู้สึกของผู้ใช้งาน” อย่างครบวงจร


🧱 1. เริ่มต้นจากวัตถุประสงค์การใช้งาน

ก่อนจะออกแบบกล่อง ต้องรู้ว่า…

  • กล่องนี้ใช้ใส่สินค้าอะไร?

  • น้ำหนักเท่าไหร่?

  • ต้องการป้องกันแรงกระแทกแค่ไหน?

  • ส่งในประเทศหรือส่งออก?

  • ลูกค้าเป็นใคร? (ผู้บริโภคทั่วไป, ธุรกิจ, หน่วยงาน)

คำตอบของคำถามเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนด “โครงสร้าง” ของกล่องที่จะออกแบบ


📏 2. การเลือกขนาดและสัดส่วน

  • วัดขนาดสินค้าจริง และเผื่อพื้นที่สำหรับวัสดุกันกระแทกอย่างน้อย 1–2 ซม.

  • เลือกขนาดกล่องให้สัมพันธ์กับขนาดพาเลตหรือพื้นที่จัดเก็บ

  • กล่องที่กว้างเกินไปจะทำให้สินค้าขยับ – เพิ่มความเสี่ยงเสียหาย

  • กล่องที่เล็กเกินไปอาจทำให้สินค้าเสียรูปหรือบีบอัด


🌀 3. การเลือกโครงสร้างลอนและชั้นของกล่อง

  • กล่อง 3 ชั้น (Single Wall): เหมาะกับของทั่วไป น้ำหนักไม่เกิน 10–15 กก.

  • กล่อง 5 ชั้น (Double Wall): สำหรับของหนัก/เปราะบาง เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า

  • กล่อง 7 ชั้น (Triple Wall): สำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมากพิเศษ หรือส่งออก

ประเภทลอนที่ใช้

  • ลอน B / C / E: เลือกตามความต้องการด้านแรงกดและแรงกระแทก

  • ลอนผสม BC หรือ AC: ให้ความแข็งแรงเพิ่มขึ้น ทั้งในแนวตั้งและกันกระแทก


🧩 4. เลือกรูปแบบกล่อง (Box Style)

ประเภท ลักษณะเด่น เหมาะกับ
RSC (Regular Slotted Container) กล่องฝาชนมาตรฐาน สินค้าทั่วไป
Die-Cut Box มีการตัดพิเศษแบบพอดีสินค้า อีคอมเมิร์ซ, ของขวัญ
FOL (Full Overlap) ฝาปิดซ้อนเต็มด้านหน้า สินค้าหนัก
Telescopic กล่อง 2 ชิ้น ฝาครอบ สินค้าโชว์หรือของพรีเมียม
Auto-lock ก้นกล่องล็อกเอง เหมาะกับการแพ็กเร็ว

🖨️ 5. การออกแบบกราฟิกบนกล่อง

  • พื้นที่พิมพ์ต้องอยู่ภายใน “Die Line” ที่กำหนดโดยโรงงาน

  • เลือกใช้สีที่สื่อถึงแบรนด์ และเหมาะกับสีพื้นของกระดาษ (น้ำตาล, ขาว)

  • หมึกที่ใช้ควรเป็นแบบ Water-based หรือ Soy Ink เพื่อความปลอดภัย

  • องค์ประกอบที่ควรมี: โลโก้, ชื่อสินค้า, จุดเด่น, ข้อมูลติดต่อ, คำแนะนำการใช้งาน


📦 6. เพิ่มฟังก์ชันพิเศษ

  • Hand Hole (ช่องจับ) สำหรับกล่องใหญ่

  • ช่องเสียบ/กั้นภายใน สำหรับกันกระแทก

  • QR Code / Barcode สำหรับการสแกนติดตามสินค้า

  • เคลือบกันชื้น หรือ เคลือบด้าน/เงา เพื่อเพิ่มความทนทานและพรีเมียม


🧠 7. ต้นทุน VS คุณภาพ

การออกแบบที่ดีไม่จำเป็นต้องแพง

  • เลือกโครงสร้างให้เหมาะกับสินค้า ไม่เกินความจำเป็น

  • พิมพ์น้อยแต่ “ตรงจุด” ดีกว่าพิมพ์เยอะแต่เปลือง

  • การใช้กล่องขนาดพอดีช่วยลดค่าวัสดุกันกระแทกและค่าส่ง


✅ สรุป

การออกแบบกล่องกระดาษลูกฟูกเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ต้องผสมผสานความรู้ด้านวิศวกรรมบรรจุภัณฑ์ การตลาด และความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภค การออกแบบที่ดีจะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า ลดความเสียหายจากการขนส่ง และเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ในทุกการส่งมอบ

📦 กล่องกระดาษลูกฟูกขนาดใหญ่ มีขนาดเท่าไหร่บ้าง?

📦 กล่องกระดาษลูกฟูกขนาดใหญ่ มีขนาดเท่าไหร่บ้าง?

รู้จักกล่องไซซ์ยักษ์ที่ตอบโจทย์สินค้าชิ้นใหญ่ พร้อมแนวทางการเลือกใช้งานอย่างมืออาชีพ

กล่องกระดาษลูกฟูกไม่ได้มีแค่ไซซ์เล็กสำหรับใส่ของจุกจิกหรือพัสดุเบา ๆ เท่านั้น
ในภาคธุรกิจจริง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ความต้องการ “กล่องกระดาษลูกฟูกขนาดใหญ่” (Large-size corrugated boxes) ถือเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง

เพราะนอกจากจะช่วย ป้องกันสินค้าได้ดีกว่า แล้วยังช่วย เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง และ ลดต้นทุนในระยะยาว ได้อีกด้วย


📏 ขนาดกล่องลูกฟูกขนาดใหญ่ที่นิยมใช้

แม้จะไม่มีมาตรฐานสากลตายตัว แต่ในตลาดประเทศไทยและอาเซียน กล่องขนาดใหญ่ที่ใช้กันบ่อย มีดังนี้:

ชื่อเรียก ขนาดภายในโดยประมาณ (กว้าง × ยาว × สูง, ซม.) การใช้งาน
กล่องเบอร์ 7 40 × 60 × 35 ขนส่งพัสดุขนาดใหญ่ทั่วไป
กล่องเบอร์ 8 45 × 65 × 45 สินค้าอิเล็กทรอนิกส์
กล่องเบอร์ 9 50 × 70 × 50 เฟอร์นิเจอร์ประกอบเอง
กล่องเบอร์ 10 60 × 90 × 60 เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดกลาง
กล่อง XXL พิเศษ 70 × 100 × 80 (หรือมากกว่า) สินค้าอุตสาหกรรม, ส่งออก, เครื่องจักร

กล่องขนาดใหญ่ส่วนมากเป็นแบบ “สั่งผลิตเฉพาะ” หรือ Made-to-order เพื่อให้เหมาะกับขนาดและน้ำหนักของสินค้านั้น ๆ


🧱 โครงสร้างกล่องที่ใช้กับขนาดใหญ่

กล่องลูกฟูกขนาดใหญ่มักผลิตด้วยโครงสร้างที่แข็งแรงขึ้น:

  • 5 ชั้น (Double Wall): ลอน BC หรือ AC

  • 7 ชั้น (Triple Wall): สำหรับสินค้าหนักพิเศษหรือการส่งออก

  • มักใช้ลอน A (กันกระแทก) ร่วมกับลอน C หรือ B (รับแรงกด)


📦 รูปแบบกล่องที่ใช้กับขนาดใหญ่

ประเภทกล่อง รายละเอียด
RSC (Regular Slotted Container) กล่องฝาชนมาตรฐาน ใช้กับสินค้าโดยทั่วไป
FOL (Full Overlap) ฝาปิดเต็มแผ่น ซ้อนทับกัน เหมาะกับของหนัก
Telescopic Box กล่องครอบ 2 ชิ้น ใช้กับสินค้าที่ต้องการความสูงปรับได้
Wrap-around ใช้กับสินค้ายาว เช่น แท่งเหล็ก ท่อ หรือเฟอร์นิเจอร์

💰 ราคากล่องลูกฟูกขนาดใหญ่ (โดยประมาณ)

ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาด วัสดุ และจำนวนสั่ง

ขนาด ราคาโดยประมาณ/ใบ (3–7 ชั้น)
40 × 60 × 35 20 – 30 บาท
50 × 70 × 50 35 – 50 บาท
60 × 90 × 60 60 – 90 บาท
70 × 100 × 80 100 – 150+ บาท

หมายเหตุ: ราคานี้เป็นราคากลางในตลาดเมื่อสั่งจำนวนมาก หากสั่งน้อยหรือพิมพ์โลโก้ ราคาจะเพิ่มขึ้น


🔍 สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อใช้กล่องขนาดใหญ่

  • พื้นที่จัดเก็บ: กล่องขนาดใหญ่มักต้องการพื้นที่คลังมาก ควรมีระบบจัดเรียงที่ดี

  • น้ำหนักสินค้า: หากสินค้ามีน้ำหนักมาก ควรใช้กล่องลอนหนา และเสริมมุม/ฐานกล่อง

  • ขนส่ง: ตรวจสอบเงื่อนไขบริษัทขนส่งว่ารับขนาดสูงสุดเท่าใด

  • ความหนาของกระดาษ: ควรเลือกกระดาษ Kraft แท้ หรือ Testliner คุณภาพสูง


✅ สรุป

กล่องกระดาษลูกฟูกขนาดใหญ่ไม่เพียงแต่รองรับสินค้าขนาดใหญ่ได้ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารจัดการสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าชิ้นใหญ่ หรือระบบคลังสินค้าขนาดกลาง-ใหญ่ การรู้จักขนาดมาตรฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกกล่องได้ตรงจุด ประหยัดงบ และลดความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

📦 กล่องกระดาษลูกฟูกมีขนาด และ ราคาเท่าไหร่บ้าง?

📦 กล่องกระดาษลูกฟูกมีขนาด และ ราคาเท่าไหร่บ้าง?

คู่มือเบื้องต้นสำหรับเลือกกล่องให้เหมาะกับสินค้าและงบประมาณ

ในยุคที่การขนส่งสินค้าและธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว กล่องกระดาษลูกฟูก (Corrugated Boxes) ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ไม่ใช่แค่ห่อของ แต่คือภาพลักษณ์ของแบรนด์ และยังเกี่ยวข้องกับต้นทุนโดยตรงของผู้ประกอบการ

หนึ่งในคำถามยอดฮิตที่ผู้เริ่มต้นใช้งานกล่องมักสงสัยคือ
“กล่องมีกี่ขนาด? และราคาต่อใบประมาณเท่าไหร่?”
บทความนี้มีคำตอบแบบละเอียด พร้อมตัวอย่างจริงในตลาดปัจจุบัน


🧱 กล่องลูกฟูกสำเร็จรูปมีกี่ขนาด?

โดยทั่วไป กล่องสำเร็จรูปในประเทศไทยจะอ้างอิงตามมาตรฐานของไปรษณีย์ไทยหรือผู้ให้บริการขนส่ง เช่น Kerry, Flash, SCG Express เป็นต้น

เบอร์กล่อง ขนาด (กว้าง × ยาว × สูง, ซม.) การใช้งานทั่วไป
00 11 × 17 × 6 สินค้าขนาดเล็ก เช่น เครื่องประดับ
0 14 × 20 × 6 อุปกรณ์ไอทีเล็ก ๆ
2A 17 × 25 × 9 เครื่องสำอาง / สินค้าแฟชั่น
2B 20 × 30 × 10 หนังสือ เสื้อผ้าพับ
3 22 × 35 × 14 ของใช้ทั่วไป
5 30 × 45 × 20 รองเท้า กล่องของขวัญ
6 36 × 54 × 28 อุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดกลาง
7 40 × 60 × 35 สินค้าชิ้นใหญ่หรือหลายชิ้นรวมกัน

นอกจากกล่องเบอร์มาตรฐานแล้ว ยังสามารถสั่งทำ “กล่องขนาดพิเศษ” ได้กับผู้ผลิตโดยตรงตามความต้องการของสินค้า


💰 ราคากล่องลูกฟูกโดยประมาณ

ราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

  • ขนาดกล่อง

  • จำนวนชั้นกระดาษ (3 ชั้น / 5 ชั้น)

  • ลอนกระดาษ (A, B, C, E)

  • การพิมพ์โลโก้หรือไม่

  • จำนวนที่สั่ง (ซื้อเยอะราคาถูกลง)

เบอร์กล่อง ราคาเฉลี่ยต่อใบ (3 ชั้น, ไม่พิมพ์)
00 2.50 – 4.00 บาท
0 3.00 – 5.00 บาท
2A 4.50 – 6.00 บาท
2B 5.00 – 7.00 บาท
3 6.00 – 9.00 บาท
5 10.00 – 15.00 บาท
6 15.00 – 20.00 บาท
7 18.00 – 25.00 บาท

หมายเหตุ: หากสั่งพิมพ์โลโก้ ราคาจะเพิ่มอีก 1–4 บาทต่อใบ โดยขึ้นอยู่กับเทคนิคการพิมพ์


🎯 ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคากล่อง

  1. ความหนาของกล่อง

    • กล่อง 5 ชั้นจะแพงกว่ากล่อง 3 ชั้นประมาณ 30–50%

  2. ลอนกระดาษที่เลือกใช้

    • ลอน A และ BC มีต้นทุนสูงกว่าลอน B และ E

  3. ปริมาณการสั่งซื้อ (MOQ)

    • หากสั่งตั้งแต่ 500 ใบขึ้นไป ราคาต่อใบจะถูกลง

  4. โลโก้/พิมพ์สี

    • การพิมพ์แบบ Flexo ถูกกว่าการพิมพ์ Offset หรือ Digital

  5. รูปทรงกล่อง

    • กล่องฝาชนจะราคาถูกกว่ากล่องไดคัทหรือกล่องแบบพับก้น


🧠 เคล็ดลับการเลือกขนาดและคุมงบให้คุ้มค่า

  • วัดสินค้าจริงก่อนเลือกขนาดกล่อง เพื่อไม่ให้ “ใหญ่เกินไป” (เปลืองค่าส่ง) หรือ “เล็กเกินไป” (สินค้าเสียหาย)

  • พิจารณาสั่งกล่องแบบพิมพ์โลโก้ หากส่งของเป็นประจำ เพื่อสร้างภาพลักษณ์

  • สั่งจำนวนเยอะต่อครั้งเพื่อลดต้นทุน

  • อย่าลืมพิจารณาค่าจัดเก็บ หากไม่มีพื้นที่เก็บกล่องในปริมาณมาก


✅ สรุป

กล่องกระดาษลูกฟูกมีให้เลือกหลายขนาด และราคาที่แตกต่างตามความเหมาะสมในการใช้งาน การเลือกขนาดกล่องที่เหมาะกับสินค้าไม่เพียงแต่ประหยัดงบประมาณ แต่ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าอีกด้วย โดยราคากล่องส่วนใหญ่ในท้องตลาดมักเริ่มต้นที่หลัก 2–3 บาท ไปจนถึง 20–30 บาท ต่อใบ ขึ้นอยู่กับขนาดและคุณสมบัติพิเศษที่คุณเลือก

📦 กล่องกระดาษลูกฟูก 7 ชั้น มีลักษณะอย่างไร?

📦 กล่องกระดาษลูกฟูก 7 ชั้น มีลักษณะอย่างไร?

รู้จักโครงสร้างที่แข็งแกร่งที่สุดของกล่องกระดาษ

เมื่อพูดถึงกล่องกระดาษลูกฟูก หลายคนอาจนึกถึงกล่องธรรมดาที่ใช้ขนส่งพัสดุทั่วไป แต่ในอุตสาหกรรมหนัก เช่น การส่งเครื่องจักร ชิ้นส่วนยานยนต์ หรือสินค้าอุตสาหกรรมที่มีน้ำหนักมาก — กล่องแบบธรรมดาอาจไม่เพียงพอ นี่จึงเป็นที่มาของ “กล่องกระดาษลูกฟูก 7 ชั้น” หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Triple Wall Corrugated Box

กล่องชนิดนี้คือระดับสูงสุดของความแข็งแรงในกลุ่มบรรจุภัณฑ์กระดาษ และถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานที่ท้าทายที่สุด


🧱 โครงสร้างของกล่องกระดาษลูกฟูก 7 ชั้น (Triple Wall Structure)

กล่องลูกฟูก 7 ชั้นประกอบด้วย:

  • 4 แผ่น Linerboard (แผ่นกระดาษเรียบ)

  • 3 ชั้น Fluting (ลอนกระดาษลูกฟูก)

โครงสร้างนี้จะมีการวางเรียงเป็น

Liner – Flute – Liner – Flute – Liner – Flute – Liner
รวมทั้งหมด 7 ชั้น จึงได้ชื่อว่า “กล่องลูกฟูก 7 ชั้น”

ลอนกระดาษที่ใช้มักจะผสมระหว่างลอนที่รับแรงกระแทกและแรงกด เช่น

  • ลอน A + C + B

  • ลอน B + C + E (กรณีที่ต้องการลดความหนา)


📊 ความแข็งแรงที่เหนือกว่ากล่องทั่วไป

กล่อง Triple Wall มีความสามารถในการรองรับน้ำหนักและแรงกดได้มากกว่ากล่อง 3 ชั้น (Single Wall) ถึง 3–5 เท่า และมากกว่ากล่อง 5 ชั้น (Double Wall) อย่างชัดเจน

ประเภทกล่อง จำนวนชั้น ความสามารถในการรับแรงกดทับ (โดยประมาณ)
กล่อง 3 ชั้น Single Wall 100–250 kg
กล่อง 5 ชั้น Double Wall 300–500 kg
กล่อง 7 ชั้น Triple Wall 600–1000+ kg

หมายเหตุ: ขึ้นอยู่กับประเภทของกระดาษที่ใช้และลอนกระดาษด้วย


🔧 ลักษณะทางกายภาพ

  • หนากว่ากล่องทั่วไปมาก (โดยเฉลี่ย 10–15 มม.)

  • มีน้ำหนักมากขึ้น แต่ยังเบากว่าไม้หรือพลาสติก

  • สามารถพิมพ์โลโก้หรือฉลากได้เช่นเดียวกับกล่องอื่น ๆ

  • นิยมใช้รูปทรง RSC (ฝาชน) หรือกล่องตัดเฉพาะ (Custom Die-cut)


🚛 การใช้งานในภาคอุตสาหกรรม

กล่อง 7 ชั้นเหมาะกับการขนส่งสินค้าประเภท:

  • เครื่องจักรขนาดกลางถึงใหญ่

  • มอเตอร์ไฟฟ้า, เกียร์, ชิ้นส่วนโลหะ

  • อุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่

  • วัสดุที่ต้องส่งทางเรือ (รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี)

  • สินค้าส่งออกที่ต้องการกล่องแข็งแรงเป็นพิเศษ


♻️ ความยั่งยืน (Sustainability)

แม้จะหนาและแข็งแรง แต่กล่อง 7 ชั้นยังคงผลิตจากเยื่อกระดาษเหมือนกล่องทั่วไป จึงสามารถ:

  • รีไซเคิลได้ 100%

  • ย่อยสลายทางธรรมชาติได้

  • ลดการใช้วัสดุที่ไม่ย่อยสลาย เช่น พลาสติก/ไม้

  • เป็นทางเลือก “Green Packaging” ที่ดีสำหรับอุตสาหกรรม


💡 ข้อควรรู้ในการใช้งาน

  • กล่อง 7 ชั้นอาจมีราคาสูงกว่ากล่องทั่วไป 2–3 เท่า

  • ควรพิจารณาจากน้ำหนักสินค้า และระยะทางการขนส่ง

  • หากสินค้ามีมุมแหลม หรือไม่สมมาตร ควรเสริมแผ่นกันกระแทกภายใน

  • สามารถออกแบบให้พับได้ (Foldable Triple Wall) เพื่อลดค่าขนส่งขาไป


✅ สรุป

กล่องกระดาษลูกฟูก 7 ชั้น คือทางเลือกสำหรับสินค้าที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุดในการขนส่งหรือจัดเก็บ โครงสร้างที่ซับซ้อนแต่ชาญฉลาดของมัน ช่วยให้สินค้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์แม้ต้องผ่านการกระแทก แรงกด หรือสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย

หากคุณอยู่ในสายงานอุตสาหกรรม โลจิสติกส์ หรือวิศวกรรม และกำลังมองหาบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ระดับสูง — กล่อง 7 ชั้น คือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม